โยคะ 1 ชั่วโมง แตกต่างจากการออกกำลังกายอย่างไร

โยคะ 1 ชั่วโมง

โยคะที่ได้รับความนิยม ทว่าหลายคนมักมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเล่นโยคะว่ามีความแตกต่างและสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นเดียวกับการออกกำลังกายทั่วไปหรือไม่ ซึ่งการเล่น โยคะ 1 ชั่วโมง มีความเหมือนหรือต่างจากการออกกำลังกายอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณกัน

 

ความแตกต่างระหว่างโยคะกับการออกกำลังกาย

ความแตกต่างระหว่างโยคะกับการออกกำลังกาย

โยคะ คือ การบริหารร่างกายที่เน้นการฝึกจิตใจและร่างกายแบบรวมเป็นหนึ่ง โดยเวลาที่เล่นโยคะจะมีการขยับตัวน้อยมากหรือบางท่าแทบจะไม่มีการขยับร่างกายเลยแม้แต่น้อย แต่จะให้ความสำคัญกับจิตใจและความรู้สึกเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นการยืดหยุ่นและการทรงตัวของร่างกาย เพื่อทำให้อวัยวะภายในแข็งแรง เช่น ทรวงอก ช่องท้อง เป็นต้น และการผ่อนคลายของร่างกาย  ทำให้ร่างกายรู้สึกปลอดโปร่งและสบายตัวมากขึ้น โยคะช่วยลดอาการปวด ตามหลักที่ว่าเมื่อระบบภายในแข็งแรงร่างกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วย เหมาะกับผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สามารถออกแรงเยอะ ๆ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคความดัน เป็นต้น 

 

สำหรับการออกกำลังกายจะเน้นการขยับร่างกายอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ร่างกายมีการสร้างกล้ามเนื้อและใช้พลังงานมากขึ้น หัวใจมีอัตราการเต้นสูงขึ้น เป็นการสร้างความแข็งแรง อดทนให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายมีรูปร่างดีขึ้น มีความกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายเหมาะกับคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น วัยกลางคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นแล้วจะเป็นอันตราย 

 

จะเห็นว่าการเล่นโยคะต่างจากการออกกำลังกายอย่างสิ้นเชิง เพราะโยคะเน้นการขยับตัวให้น้อยที่สุดหรืออยู่นิ่งและพัฒนาระบบภายใน ส่วนการออกกำลังกายเน้นการขยับร่างกายให้ได้มากที่สุด แต่ว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการเล่นโยคะและการออกกำลังกายก็เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีขึ้นเหมือนกัน

 

ประโยชน์ของโยคะทางด้านร่างกาย

วิธีเล่นโยคะ

การเล่นโยคะ 1 ชั่วโมงเป็นการช่วยเสริมสร้างร่างกายได้หลายประการ ซึ่งประโยชน์ของการเล่นโยคะทางด้านร่างกายมีดังนี้

  1. ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ การเล่นโยคะจะเน้นการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อเป็นหลัก ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อเล่นโยคะเป็นประจำจึงช่วยลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ เช่น อาการปวดหลัง ปวดบ่า แก้อาการออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น 
  2. กล้ามเนื้อแข็งแรง เมื่อกล้ามเนื้อได้รับการยืดหดเป็นประจำ ย่อมทำให้กล้ามเนื้อสามารถรองรับการเคลื่อนไหวได้มากขึ้น มีความแข็งแรงมากขึ้น 
  3. ปรับบุคลิกภาพ ท่าเล่นโยคะทุกท่าล้วนเป็นท่าที่สร้างสมดุลให้กับร่างกาย ดังนั้นการเล่นโยคะจะทำให้ท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดินมีความสมดุลและสวยงาม เป็นการสร้างบุคลิกภาพให้ดีดูได้
  4. ปรับรูปร่างให้ดีขึ้น การเล่นโยคะดูเหมือนจะไม่ได้ใช้แรงแม้แต่น้อย แต่เชื่อหรือไม่ว่าการเล่นโยคะ 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 150-500 แคลลอรีเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเล่นโยคะเป็นประจำก็จะทำให้รูปร่างสมส่วนและมีสรีระที่สวยงาม
  5. เพิ่มความแข็งแรงให้หัวใจ หัวใจเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกาย หากหัวใจแข็งแรงก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงตามไปด้วย ซึ่งการเล่นโยคะสามารถกระตุ้นการเต้นของหัวใจให้ดี ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ 

การเล่นโยคะถึงแม้จะเป็นการเล่นที่ใช้แรงน้อย มีการเคลื่อนไหวร่างกายไม่มาก แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการเล่นโยคะจึงทำให้ร่างกายแข็งแรงทั้งภายในและภายนอกจริง ๆ 

 

ประโยชน์ของโยคะทางด้านจิตใจ

ประโยชน์ของโยคะ

การเล่นโยคะนอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ทว่าประโยชน์ทางด้านจิตใจมีอยู่มากเช่นกัน เพราะการเล่นโยคะเน้นสร้างสมาธิ ทำให้จิตใจสงบ ซึ่งประโยชน์ทางด้านจิตใจของโยคะมีดังนี้

  1. ลดความเครียด การเล่นโยคะผู้เล่นจะจดจ่ออยู่กับลมหายใจและท่าทางของร่างกายที่เคลื่อนไหวในขณะหายใจ ทำให้จิตใจมีสมาธิและปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดความเครียด ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและความเครียดลดลงได้
  2. ปรับสมดุลฮอร์โมน การที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติจะทำให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคและความแปรปวนของอารมณ์ ซึ่งการเล่นโยคะจะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและทำให้อารมณ์คงที่ 
  3. นอนหลับดีขึ้น การนอนถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดและจำเป็นที่สุดของร่างกาย ซึ่งการเล่นโยคะจะทำให้จิตใจสงบส่งผลให้เวลานอนสามารถนอนหลับแบบสนิทอย่างแท้จริง 
  4. แลดูอ่อนเยาว์ โยคะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้จิตใจและยังกระตุ้นการสร้างโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) และฮอร์โมนดีเอชอีเอ (DHEA hormone) ที่มีหน้าที่ในการควบคุมการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินให้มากขึ้นและมีความแข็งแรง ดังนั้นเมื่อมีฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ย่อมทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งแลดูอ่อนกว่าวัย อีกวิธีที่ช่วย โยคะใบหน้า คืนความอ่อนเยาว์

โยคะมีผลต่อจิตใจในระดับที่สูงมาก ดังนั้นหากคุณมีความเครียด นอนไม่หลับ ผิวหนังหยาบกระด้าง มีริ้วรอยแล้ว การเล่นโยคะจะช่วยให้สุขภาพจิตของคุณดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย ทำให้ระบบทุกอย่างทำงานดีขึ้น 

 

การเบิร์นไขมันระหว่าง โยคะ 1 ชั่วโมง กับ การออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง

โยคะ 1 ชั่วโมง

ถึงแม้การเล่นโยคะเน้นการรักษาสมดุลและสร้างสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ แต่ว่าการเล่นโยคะก็สามารถเบิร์นไขมันได้เช่นกัน โดยการเล่นโยคะ 1 ชั่วโมงสามารถเบิร์นไขมันได้ 150-500 แคลลอรี่ ซึ่งหากต้องการเล่นโยคะเพื่อเบิร์นไขมันควรเน้นท่าโยคะที่กระตุ้นการเบิร์นไขมัน เช่น ท่าโยคะยืนก้มตัว (Forward Fold) ท่าสุนัขก้มหน้า (Downward Dog) ท่าแมว-วัว (Cat-Cow) โยคะท่างูเห่า (Cobra Pose) ท่านักรบ (Warrior Pose) โยคะท่าเรือ (Boat Pose) โยคะท่าธนู (Bow Pose) โยคะเข่าชิดอก (Knee to Chest Pose) เป็นต้น ซึ่งทางโยคะเหล่านี้จะเป็นท่าที่เบิร์นไขมันได้สูงที่สุด โดยเล่นโยคะ 1 ชั่วโมงด้วยท่าเหล่านี้จะสามารถเบิร์นไขมันได้สูงถึง 500 แคลอรี่ 

 

แต่สำหรับการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงถึงแม้จะสามารถเบิร์นไขมันได้มากถึง 250 -800 แคลอรี่ แต่ว่าก็มีความเสี่ยง เพราะการออกกำลังกายเป็นการออกกำลังกายที่ร่างกายต้องทำงานหนัก มีการเคลื่อนไหวร่างกายแบบรุนแรงและซ้ำ ๆ ทำให้ร่างกายเกิดความเมื่อยล้าและบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นหากร่างกายไม่พร้อมหรือมีโรคประจำตัวบางอย่างก็ไม่ควรออกกำลังกายเพื่อเบิร์นไขมัน แต่ให้เล่นโยคะเพื่อเบิร์นไขมันแทน แบบนี้ก็จะลดไขมันและกล้ามเนื้อไม่บาดเจ็บด้วย

 

ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะหรือออกกำลังกาย ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าการเล่นโยคะเป็นรูปแบบการเล่นที่ส่งผลเสียต่อร่างกายน้อยและสามารถเล่นได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนั้นหากต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายหรือเบิร์นไขมัน การเล่นโยคะถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก

 

อ้างอิง

แชร์บทความ :

Facebook
Twitter

แชร์บทความ :

Facebook
Twitter

เนื้อหาบทความ