ประโยชน์ของโยคะ ศาสตร์บริหารร่างกายช่วยชะลอความแก่

ประโยชน์ของโยคะ

โยคะ (YOGA) หมายถึง ศาสตร์การออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่รวมกาย จิตใจ และวิญญาณให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยการเล่นโยคะนั้นจะมีกระบวนท่าเฉพาะในการดูแลสุขภาพตนเอง สำหรับการฝึกโยคะจะเน้นที่ร่างกายและจิตใจเป็นหลัก เพราะว่าขณะที่มีการฝึก จะต้องตั้งสมาธิจดจ่อที่ลมหายใจเข้าออก และการเคลื่อนไหวร่างกายที่ช้าลง ทำให้ ประโยชน์ของโยคะ มีมากมาย เช่น ฝึกสมาธิ คลายเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด ชะลอการเกิดริ้วรอย เป็นต้น หากผู้ใดสนใจการเล่นโยคะ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่


วิธีการฝึกโยคะสำหรับสุขภาพและจิตใจ

ประโยชน์ของโยคะ

เนื่องจากการเล่นโยคะ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายและจิตใจ เป็นศาสตร์การออกกำลังกายที่มีมานานแล้ว ทว่าคนไทยเพิ่งจะมานิยมกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งที่ ประโยชน์ของโยคะ มีเยอะมาก ซึ่งการเล่นโยคะจะแบ่งออกเป็นตามกลุ่ม ปัจจุบันสามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

  1. กลุ่มที่เน้นการฝึกที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตของตนเอง ลักษณะของการฝึกกลุ่มนี้ จะเน้นที่สมาธิควบคู่กับธรรมะ จึงช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่องใส
  2. กลุ่มที่เน้นการฝึกร่างกาย ลักษณะของการฝึกกลุ่มนี้ จะเน้นการเล่นท่าโยคะเพื่อบรรเทาหรือบำบัดอาการเจ็บป่วยโดยเฉพาะ ผู้เล่นที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อตึง ก็จะใช้ท่าโยคะที่ช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อรักษาอาการ หรือการเล่นโยคะฟลายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อนั่นเอง
  3. กลุ่มที่เน้นการฝึกพลังของจิตใจ ลักษณะของการฝึกจะกำหนดลมปราณ จับจังหวะการหายใจเข้าออก ตั้งสมาธิในการพิจารณา ซึ่งในกลุ่มนี้ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจสงบ ผ่อนคลายความเครียดได้ดี ซึ่งการฝึกรูปแบบนี้เป็นโยคะที่เหมาะกับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก

6 แก่นหลักของโยคะ

เมื่อทราบกลุ่มของโยคะไปแล้ว ต่อมาเป็นความรู้เกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนให้โยคะสร้างประโยชน์สูงที่สุด ไม่สามารถเล่นได้ทันที จะต้องรู้หลักการและวิธีที่แท้จริงก่อน โดยมี 6 ข้อด้วยกัน

  • อาสนะ หรือ ASANAS เป็นวิธีการฝึกท่าโยคะพื้นฐาน สำหรับผู้ที่เริ่มเล่นโยคะ เป็นการยืดเหยียดอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อและทุกอวัยวะพร้อมต่อการออกกำลัง ช่วยลดความเสี่ยงที่กล้ามเนื้อจะบาดเจ็บได้ รวมไปถึงช่วยฝึกความนิ่ง สมาธิ ให้มั่นคง ให้ฝึกท่าโยคะอื่น ๆ ต่อได้
  • ปราณยามะ หรือ Pranayamas เป็นวิธีการฝึกโยคะที่เน้นการควบคุมลมหายใจให้สอดคล้องกับระบบประสาท ซึ่งการฝึกท่านี้จะช่วยให้ผู้ฝึกควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี พร้อมที่จะเรียนรู้ท่าโยคะในลำดับที่สูงขึ้น
  • มุทรา พันธะ หรือ Mudras and Bandhas เป็นวิธีการควบคุมกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายให้เคลื่อนที่สัมพันธ์กับลมหายใจ เช่น การหายใจเข้าให้แขม่วท้อง หายใจออกก็คลายกล้ามเนื้อหน้าท้อง ฯลฯ
  • กริยา หรือ Kriyas เป็นวิธีที่ใช้ปรับตัวในการฝึกโยคะท่าสูงขึ้น หากผู้ฝึกผ่านวิธีการฝึกก่อนหน้ามาแล้ว ต้องการฝึกท่าที่ยาก เข้าใจในโยคะอย่างลึกซึ้ง ก็จะต้องเรียนรู้กริยาก่อน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับร่างกายตนเอง ไม่สามารถฝึกทันทีได้เลย เพราะมีโอกาสที่กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ง่ายมาก ๆ
  • สมาธิ หรือ Meditation เป็นวิธีการฝึกควบคุมการทำงานของจิตใจ ทุก ๆ การเคลื่อนไหวร่างกาย ผู้ฝึกจะต้องรู้ตัวเสมอ
  • การฝึกทัศนคติ หรือ Attitude Training Practices สุดท้ายเป็นวิธีฝึกตนเองให้ควบคุมพฤติกรรมได้ สามารถฝึกโยคะได้สม่ำเสมอ และมีทัศนคติที่ดีต่อโลก ต่อตนเองมากขึ้น

การใช้โยคะเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตใจ

ประโยชน์ของโยคะ

ประโยชน์ของโยคะ ทางกายและจิต เป็นเป้าหมายของการฝึกฝนโยคะในปัจจุบัน เนื่องจากโยคะช่วยทำให้มีสติและสมาธิในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะกระทำอะไร จะพึงระลึกรู้ตัวเสมอ เช่น การตื่นนอน การเดิน การวิ่ง ฯลฯ แม้ว่าศาสตร์โยคะจะสอนให้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ แต่ทุกย่างก้าวและการเคลื่อนไหว ผู้ฝึกจะต้องรู้ตัวเองดีเสมอว่ากระทำอะไรอยู่ หากฝึกฝนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีถึงสุขภาพจิตใจได้แน่นอน โดยท่าออกกำลังกายที่ช่วยสงบจิตใจ ทำให้มีสมาธิมากขึ้น มี 3 ท่ายอดนิยม ได้แก่

  • ท่างู ให้ผู้ฝึกนอนคว่ำหน้ากับพื้น แล้วค่อย ๆ ใช้มือและแขนเหยียดตรงเพื่อดันร่างกายส่วนบนขึ้นมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วค้างไว้ 30 วินาที ก่อนที่จะคลายออก แล้วหัวใจสำคัญ ขณะที่ดันตัวขึ้นไปและค้างไว้ ให้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พอคลายท่าก็ค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง ซึ่งท่านี้จะช่วยให้มีสมาธิและผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง ขา ทำให้หลับสบายมากขึ้น
  • ท่านั่งก้มตัว เป็นท่าที่อาจจะยากเล็กน้อย สำหรับผู้ที่เริ่มต้น โดยลักษณะจะให้ผู้ฝึกนั่งหลังตรง เหยียดขาทั้งสองขาตรงแล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงไปด้านหน้า ใช้มือทั้งสองข้างจับที่ปลายเท้าไว้ ในขณะที่ก้มหน้าลงไป ให้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค้างไว้ 1-2 วินาที ก็คลายท่าออก จังหวะที่คลายท่า ให้ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา แล้วทำซ้ำ 5 ครั้ง จะทำให้มีสติในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
  • ท่ายืนก้มหัว เป็นท่าที่ต้องใช้สมาธิและสติสูงมาก ๆ ลักษณะการทำท่าให้ผู้ฝึกยืนตรง แล้วค่อย ๆ โน้มร่างกายส่วนบนลงไป ให้มือทั้งสองข้างแตะที่พื้น สำหรับผู้ที่ฝึกในช่วงแรกอาจจะยากเล็กน้อย ให้ทำท่าเท่าที่ไหว ค้างไว้ 30 วินาที ก่อนคลายท่า ในขณะที่ก้มลงไป ให้หายใจเข้าและคลายท่าให้หายใจออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง จะช่วยลดอาการปวดหลัง และช่วยให้ความคิดต่าง ๆ รอบคอบขึ้นได้

การฝึกโยคะลดอาการเจ็บปวดตามร่างกาย

ประโยชน์ของโยคะ

เมื่อทราบท่าทาง การเล่นโยคะเพื่อสุขภาพ จิตไปแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกโยคะ บรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ตามร่างกาย สามารถทำได้เช่นกัน และสามารถบรรเทาอาการได้ดีมาก ๆ เนื่องจากท่าทางของโยคะ นอกจากช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้ว ยังไปกระตุ้นให้อวัยวะภายในทำงานเต็มประสิทธิภาพ ระบบหมุนเวียนเลือดดีมากขึ้น จากการที่สูดดมออกซิเจนเข้าไปในปอดอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นที่มาของโยคะชะลอความแก่ได้นั่นเอง หากใครที่สนใจ อยากจะเล่นโยคะเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี สุขภาพผิวพรรณผ่องใส อ่านได้ในหัวข้อถัดไป


การเล่นโยคะ ลดอาการเจ็บป่วยและชะลอความแก่

ประโยชน์ของโยคะ

สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนท่าโยคะ เพื่อประโยชน์ลดอาการเจ็บป่วยของร่างกาย หรือ การเล่นโยคะเพื่อลดน้ำหนัก แล้วยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนให้เพียงพอต่อความต้องการเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย เพื่อชะลอความแก่ มี 3 ท่ายอดนิยม ดังนี้

  1. Locust Pose หรือ ท่าโยคะตั๊กแตน

เป็นท่าที่ให้ผู้ฝึกนอนราบไปกับพื้น ยกแขน ขา และร่างกายส่วนบนขึ้น ให้เหลือแค่บริเวณหน้าท้องที่แนบกับพื้น ค้างไว้ 15-30 วินาที ซึ่งท่านี้จะช่วยลดไขมันที่ต้นขา แล้วกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ไหลทั่วร่างกาย และช่วยขับน้ำเหลืองเสียออกจากร่างกาย ส่งผลให้มีการสร้างคอลลาเจนได้ดี ผิวพรรณจึงผ่องใส

  1. Supported Shoulder Stand Pose หรือ ท่าโยคะยืนด้วยไหล่

เป็นท่าที่ให้ผู้ฝึกนอนราบกับพื้น แล้วค่อย ๆ ยกขาทั้งสองข้างขึ้น ใช้มือทั้งสองข้างพยุง จนเหยียดขาสูงตั้งฉากกับพื้นได้ แล้วค้างไว้ 15-30 วินาที ท่านี้จะช่วยให้อวัยวะภายในช่องท้องทำงานได้ดี ลดความเครียดได้ เมื่อความเครียดลดลง ร่างกายก็สามารถสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่ ผิวพรรณและริ้วรอยก่อนวัยก็ไม่มีนั่นเอง

  1. Upward Plank Pose หรือ ท่าโยคะลานบิน

ท่าโยคะ พื้นฐาน ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดร่างกายได้ดีมาก ๆ ลักษณะให้นอนหงายแล้วค่อย ๆ ใช้แขนทั้งสองข้าง ดันร่างกายส่วนบนขึ้นมา แล้วค้างไว้ 15-30 วินาที ก่อนคลายออก ท่านี้หากทำเป็นประจำ จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณ หน้าท้อง ต้นขา บ่า และสะโพกได้ด้วย


การออกกำลังกายด้วยโยคะเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก และไม่จำกัดเพศหรือวัย จึงเป็นอีกหนึ่งศาสตร์การออกกำลังกายที่น่าสนใจมาก ๆ ควรลองฝึกฝนกัน แล้วจะพบว่าออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องทุ่มแต่แรงกายอย่างเดียว


อ้างอิง

แชร์บทความ :

Facebook
Twitter

แชร์บทความ :

Facebook
Twitter

เนื้อหาบทความ