หฐโยคะ (Hatha Yoga) สำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลและความผ่อนคลาย

หฐโยคะ (Hatha Yoga) สำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลและความผ่อนคลาย

หฐโยคะ หรือ Hatha Yoga เป็นหนึ่งในสาขาของโยคะที่สามารถเสนอวิธีการฝึกที่ทั้งเข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและปรับปรุงสุขภาพของร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี โดยคำว่า “หฐ” (Haṭha) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง “กำลัง” หรือ “บังคับ” ซึ่งสะท้อนถึงการใช้วิธีการทางกายภาพในการปฏิบัติซึ่งแตกต่างจากสาขาโยคะอื่น ๆ ที่อาจเน้นทางจิตวิญญาณหรือการทำสมาธิมากกว่า

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับหฐโยคะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มจากความหมายและที่มาของหฐโยคะ ต่อด้วยการแนะนำหลักการฝึก และปิดท้ายด้วยวิธีการฝึกที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้ผู้ฝึกได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝึกหฐโยคะ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ การเสริมสร้างความยืดหยุ่น การควบคุมการหายใจ รวมไปถึงการนอนหลับและความผ่อนคลายที่ดีขึ้น

หฐโยคะเหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการฝึกโยคะมาบ้างแล้ว ด้วยเทคนิคที่หลากหลายและสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการและขีดจำกัดของแต่ละบุคคลได้ ทำให้หฐโยคะกลายเป็นหนึ่งในสาขาโยคะที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลกในปัจจุบัน


ความหมายและที่มาของหฐโยคะ (Hatha Yoga)

ความหมายและที่มาของ หฐโยคะ (Hatha Yoga)

หฐโยคะ เป็นหนึ่งในสาขาของโยคะที่มีการใช้เทคนิคทางกายภาพเพื่อช่วยรักษาและกระตุ้นพลังงานชีวิตภายในร่างกาย คำว่า “หฐ” (Haṭha) ในภาษาสันสกฤตนั้นแปลว่า “กำลัง” หรือ “บังคับ” สะท้อนถึงการใช้วิธีการต่างๆ ทางกายภาพ

คำจำกัดความของหฐโยคะ

หฐโยคะเป็นการฝึกที่เน้นการทำท่าทางต่างๆ (อาสนะ) และเทคนิคการหายใจ (ปราณายามะ) โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ ผู้ฝึกหฐโยคะจะได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของสุขภาพกายและสุขภาพใจ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจสงบ

ประวัติศาสตร์และที่มาของหฐโยคะ

  1. ต้นกำเนิดของหฐโยคะ: หฐโยคะมีรากฐานมาจากอินเดียโบราณ โดยมีหลักฐานของการฝึกโยคะในลักษณะนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 คริสตกาล จากข้อความสันสกฤตและพาลิแคนอนของพุทธศาสนา คำว่า “หฐโยคะ” ถูกใช้เป็นครั้งแรกในเอกสารโบดิสัตว์ภูมิ ราวศตวรรษที่ 3
  2. การพัฒนาของหฐโยคะ: ในช่วงศตวรรษที่ 11 หฐโยคะได้รับการพัฒนามากขึ้นในบริบทของพุทธศาสนาวัชรยาน เทคนิคและการฝึกต่างๆ เช่น มหามุทรา และมหาวิธา ได้รับการบันทึกไว้ในตำราอมฤตสิทธิ ซึ่งเป็นตำราที่เขียนขึ้นรอบๆ ศตวรรษที่ 11
  3. การแพร่กระจายและการยอมรับ: หฐโยคะได้รับการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในอินเดียและถูกนำมาใช้ในหลายประเพณี โดยเฉพาะในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา ในศตวรรษที่ 20 หฐโยคะได้เริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมในระดับสากล เป็นการฝึกที่มุ่งเน้นทั้งเทคนิคทางกายภาพและการควบคุมพลังงานในร่างกาย

หฐโยคะในปัจจุบันถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเล่นเพื่อสุขภาพไปจนถึงการฝึกเพื่อการบรรลุธรรม ทำให้มีความหลากหลายและสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มคนในสังคมสมัยใหม่


หลักการของหฐโยคะ: การผสมผสานระหว่างร่างกาย, จิตใจ และจิตวิญญาณ

หลักการของหฐโยคะ- การผสมผสานระหว่างร่างกาย, จิตใจ, และจิตวิญญาณ

หฐโยคะเป็นหนึ่งในสาขาของโยคะที่มีความลึกซึ้งและมีหลักการอันมั่นคงที่ผสานระหว่างร่างกาย, จิตใจ และจิตวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างลงตัว บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจหลักการหลักของหฐโยคะ และความสำคัญของการควบคุมพลังงานในร่างกายที่ส่งผลต่อการฝึกโยคะและชีวิตประจำวัน

การผสมผสานระหว่างร่างกาย, จิตใจ, และจิตวิญญาณ

หฐโยคะมีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานระหว่างร่างกายและจิตใจเพื่อสร้างความสมดุลในชีวิต โดยมีหลักการพื้นฐานที่ช่วยให้ผู้ฝึกสามารถปลดปล่อยความตึงเครียดและเพิ่มพลังงานในการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  1. อาสนะ (Asanas): ท่าโยคะต่างๆ ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดหรือยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูง การฝึกท่าเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงการทำงานของอวัยวะภายในและกระตุ้นระบบหมุนเวียนของโลหิต
  2. ปราณายามะ (Pranayama): เทคนิคการหายใจในหฐโยคะเป็นการฝึกหายใจที่มีจังหวะและควบคุมได้ เพื่อช่วยในการควบคุมพลังงานในร่างกาย การหายใจอย่างมีสติช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิมากขึ้น
  3. ธาตุทั้งห้า (The Five Elements): หฐโยคะให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงร่างกายกับธาตุทั้งห้าของธรรมชาติ ได้แก่ ดิน, น้ำ, ไฟ, ลม, และอากาศ เพื่อสร้างความสมดุลภายในตน

ความสำคัญของการควบคุมพลังงานในร่างกาย

การควบคุมพลังงานหรือ “ปราณ” ในหฐโยคะไม่ใช่เพียงแค่การทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริหารจิตใจให้พร้อมรับมือกับความเครียดและความท้าทายในชีวิตประจำวัน:

  1. การบริหารจัดการพลังงาน: การฝึกหฐโยคะช่วยให้เราสามารถจัดการกับพลังงานในร่างกายได้ดีขึ้น ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ดีขึ้น
  2. การเชื่อมต่อกับธรรมชาติ: การฝึกหายใจและท่าอาสนะที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติช่วยให้ร่างกายและจิตใจเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มความสามารถในการรับรู้และปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม
  3. การฟื้นฟูสุขภาพ: การควบคุมการหายใจและการใช้พลังงานอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูสุขภาพทางจิตใจและอารมณ์อีกด้วย หรือหากคุณต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกายคุณอาจสนใจบทความ โยคะเพิ่มความยืดหยุ่น

หฐโยคะไม่เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกฝนที่ช่วยให้ผู้ฝึกได้เชื่อมต่อร่างกาย, จิตใจ, และจิตวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง สามารถนำหลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีได้อย่างแท้จริง หวังว่าความรู้นี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกท่านเข้าใจและสนใจที่จะฝึกหฐโยคะมากขึ้นค่ะ


ประโยชน์ของการฝึกหฐโยคะ

ประโยชน์ของการฝึก หฐโยคะ  สร้างสมดุล ความยืดหยุ่น และความผ่อนคลาย

หฐโยคะเป็นรูปแบบหนึ่งของโยคะที่มีผู้คนทั่วโลกนิยมฝึกฝน เนื่องจากมีประโยชน์มากมายทั้งในด้านร่างกายและจิตใจทำให้สามารถเป็นโยคะคลายเครียดได้ ในหัวข้อโพสต์นี้ เราจะพาคุณไปดูประโยชน์หลักของการฝึกหฐโยคะที่ส่งผลต่อการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ การเสริมสร้างความยืดหยุ่น และการควบคุมการหายใจ รวมถึงผลกระทบต่อการนอนหลับและความผ่อนคลาย

การปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ

หฐโยคะมีประโยชน์ในการสร้างความสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ทำให้หฐโยคะแตกต่างจากการออกกำลังกายแบบอื่นๆ การฝึกท่าต่างๆ และเทคนิคการหายใจในหฐโยคะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ทำให้ความเครียดลดลงและจิตใจสงบ ส่งผลให้มีการนอนหลับที่ดีขึ้นและมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง

การเสริมสร้างความยืดหยุ่นและการควบคุมการหายใจ

หฐโยคะไม่เพียงแต่ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อเท่านั้น แต่ยังช่วยในการปรับปรุงการหายใจและความสามารถในการควบคุมลมหายใจได้ด้วย การหายใจที่ถูกต้องเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของออกซิเจนและสารอาหารไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย ช่วยลดความเหนื่อยล้าและสร้างความสมดุลในระบบประสาท

ผลกระทบต่อการนอนหลับและความผ่อนคลาย

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการฝึกหฐโยคะคือการช่วยเพิ่มคุณภาพของการนอนหลับและระดับการผ่อนคลาย การฝึกหฐโยคะก่อนนอนสามารถช่วยให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และทำให้การนอนหลับมีคุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้ การผ่อนคลายที่เกิดจากการฝึกหฐโยคะยังสามารถช่วยลดความดันโลหิตและปรับปรุงการทำงานของระบบหัวใจ

การฝึกหฐโยคะเป็นมากกว่าการออกกำลังกาย มันเป็นการฝึกฝนที่ช่วยเพิ่มพูนสุขภาพในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงความสามารถในการหายใจ การเพิ่มความยืดหยุ่น การส่งเสริมการนอนหลับที่ดี และการผ่อนคลายที่ลึกซึ้ง หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตในแง่มุมเหล่านี้ การเริ่มต้นฝึกหฐโยคะอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ


ท่าหฐโยคะพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น

หฐโยคะเป็นรูปแบบหนึ่งของโยคะที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเนื่องจากเน้นการฝึกท่าทางและการควบคุมลมหายใจที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจ ในบทความนี้ เราจะแนะนำ 3 ท่าหฐโยคะพื้นฐานที่ผู้เริ่มต้นสามารถฝึกได้ง่ายและปลอดภัย

1. ท่าภูเขา (Mountain Pose หรือ Tadasana)

ท่าภูเขา

ท่าภูเขาเป็นท่าเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับการฝึกหฐโยคะ ท่านี้ช่วยให้ร่างกายได้รับการยืดเหยียดและเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกท่าต่อๆ ไป

วิธีการทำท่าภูเขา:

  • ยืนตรงบนเสื่อโยคะ แยกเท้าให้ห่างกันเล็กน้อย
  • กระชับกล้ามเนื้อขาและก้น ตั้งหลังให้ตรง
  • หายใจเข้าลึกๆ และยกแขนขึ้นไปเหนือศีรษะ พลางเหยียดมือออกจากกัน
  • รักษาท่านี้ไว้ 5-10 ลมหายใจ แล้วค่อยๆ วางแขนลง

2. ท่ายืนก้มตัว (Forward Fold หรือ Uttanasana)

ท่ายืนก้มตัว

ท่ายืนก้มตัวช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังและขา นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่น

วิธีการทำท่ายืนก้มตัว:

  • จากท่าภูเขา หายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกพร้อมๆ กับก้มตัวลงจากสะโพก
  • ปล่อยให้มือแตะพื้นหรือจับที่ข้อเท้า ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของร่างกาย
  • ค้างท่านี้ไว้ 5-10 ลมหายใจ จากนั้นค่อยๆ กลับมายืนตรง

3. ท่าต้นไม้ (Tree Pose หรือ Vrksasana)

ท่าต้นไม้ Tree Pose

ท่าต้นไม้เป็นท่าที่ช่วยฝึกความสมดุลและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับร่างกายและจิตใจ ท่านี้เหมาะสำหรับการฝึกสมาธิ

วิธีการทำท่าต้นไม้:

  • ยืนในท่าภูเขา โดยวางน้ำหนักลงบนเท้าข้างหนึ่ง
  • ยกเท้าอีกข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วแนบไว้ที่ต้นขาภายในข้างที่ยืนอยู่
  • ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและพนมมือกัน รักษาท่านี้ไว้ 5-10 ลมหายใจ
  • ค่อยๆ ลดแขนและเท้าลง แล้วทำซ้ำกับอีกข้าง

การฝึกท่าหฐโยคะพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกโยคะในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ฝึกมีสุขภาพที่ดี จิตใจสงบ และร่างกายที่แข็งแรงสามารถใช้เป็นโยคะยืดคอบ่า ไหล่ได้ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เอง


วิธีการฝึกหฐโยคะอย่างถูกต้อง: การเตรียมตัวและเทคนิคการหายใจ

วิธีการฝึกหฐโยคะอย่างถูกต้อง- การเตรียมตัวและเทคนิคการหายใจ

การฝึกหฐโยคะอย่างถูกต้องต้องมีการเตรียมตัวและเข้าใจเทคนิคในการหายใจที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝึก บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนและเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณฝึกหฐโยคะได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ขั้นตอนและเทคนิคการเตรียมตัวก่อนฝึก

  1. เลือกสถานที่ที่เหมาะสม: ควรเลือกสถานที่ที่สงบ เพื่อความเป็นส่วนตัวและช่วยให้สามารถสมาธิได้ดีขึ้น หากมีโอกาสฝึกกลางแจ้งในบรรยากาศที่เงียบสงบก็จะยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการฝึกได้มาก
  2. เตรียมอุปกรณ์: ใช้เสื่อโยคะที่มีคุณภาพดีเพื่อรองรับร่างกายและป้องกันการลื่น นอกจากนี้อาจมีการใช้หมอนหรือโปร๊ปสำหรับการรองรับบางท่าที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม
  3. การแต่งกาย: สวมใส่เสื้อผ้าที่สบายและยืดหยุ่นได้ดี ควรเลือกเสื้อผ้าที่ไม่หลวมจนเกินไปเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและไม่รู้สึกติดขัด
  4. การทำความร้อนร่างกาย: ก่อนเริ่มทำท่าโยคะ ควรทำการวอร์มร่างกายเพื่อเตรียมกล้ามเนื้อและข้อต่อ การทำสตรีทชิ่งเบื้องต้นเพียงเล็กน้อยสามารถช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้

คำแนะนำในการหายใจและการรักษาสมาธิ

  1. การหายใจอย่างมีสติ: หายใจเข้าและออกอย่างช้าๆ และลึกๆ โดยใช้ท้องและปอดในการหายใจเข้า และปล่อยลมหายใจออกให้หมดสิ้น เทคนิคนี้จะช่วยให้จิตใจสงบและลดความตึงเครียด
  2. การรักษาสมาธิ: ระหว่างฝึกโยคะ ควรจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของร่างกายและลมหายใจ หลีกเลี่ยงการคิดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง การรักษาสมาธิช่วยให้ได้รับประโยชน์จากการฝึกโยคะได้อย่างเต็มที่
  3. การตอบสนองต่อร่างกาย: ฟังสัญญาณจากร่างกายและปรับการฝึกให้เหมาะสม หากรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวในท่าใดท่าหนึ่ง ควรหยุดและปรับเปลี่ยนท่า หรือหยุดพัก

การเรียนรู้การฝึกหฐโยคะอย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ทางกายภาพและจิตใจอย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณปฏิบัติตัวอย่างปลอดภัยและได้รับความสุขจากการฝึกอีกด้วย ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการฝึกหฐโยคะของคุณและสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง


สรุปได้ว่า ในการทำความเข้าใจและฝึกฝนหฐโยคะ (Hatha Yoga) อย่างลึกซึ้งนั้น เราได้เรียนรู้ถึงความหมายและที่มาของหฐโยคะ รวมถึงคำจำกัดความและประวัติของมันที่มีตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 คริสตกาล และวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันที่ได้รับความนิยมในระดับสากล หฐโยคะไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ แต่ยังให้วิธีการในการสร้างความสมดุลระหว่างร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผ่านการฝึกอาสนะและปราณายามะ

หฐโยคะเป็นการฝึกที่ดีในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต ช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเครียดและเสริมสร้างความอดทนในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้ฝึกโยคะที่มีประสบการณ์ การให้เวลาและความพยายามในการฝึกหฐโยคะจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน ด้วยการฝึกอย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง คุณจะสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจทั้งทางกายภาพและจิตใจ ที่สำคัญที่สุด คือการนำหลักการของหฐโยคะไปใช้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและความสุขในชีวิตของคุณอย่างยั่งยืน


คำถามที่พบบ่อย

1. หฐโยคะเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

หฐโยคะเป็นรูปแบบหนึ่งของโยคะที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะช้าและการควบคุมการหายใจอย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้ผู้ฝึกสามารถฝึกตามได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นอกจากนี้ หฐโยคะยังเน้นการเรียนรู้ท่าทางต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและสมาธิของจิตใจ

2. หฐโยคะช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่?

หฐโยคะอาจไม่ใช่การออกกำลังกายที่เน้นการเผาผลาญแคลอรี่อย่างรวดเร็วเหมือนบางรูปแบบของการออกกำลังกาย แต่มันสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ผ่านการปรับปรุงระบบเผาผลาญและการเพิ่มกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การฝึกหฐโยคะยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนัก

3. ควรฝึกหฐโยคะกี่ครั้งต่อสัปดาห์?

การฝึกหฐโยคะสามารถทำได้ทุกวันหรืออย่างน้อยสามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้นของการฝึกและเป้าหมายส่วนบุคคลของผู้ฝึก การฝึกอย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความแข็งแรง และสมาธิ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

4. มีเคล็ดลับอะไรในการรักษาสมาธิขณะฝึกหฐโยคะ?

การรักษาสมาธิขณะฝึกหฐโยคะสามารถทำได้โดยการโฟกัสไปที่การหายใจและความรู้สึกของร่างกายในขณะทำท่าต่างๆ หลีกเลี่ยงการคิดถึงเรื่องราวหรือกิจกรรมอื่นๆ นอกจากนี้การฝึกในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและการจำกัดการรบกวนจากภายนอก เช่น ปิดโทรศัพท์มือถือ จะช่วยให้คุณรักษาสมาธิได้ดียิ่งขึ้น

อ้างอิง :

แชร์บทความ :

Facebook
Twitter

แชร์บทความ :

Facebook
Twitter

เนื้อหาบทความ